ชื่อเรื่อง : ทวิภพ
ผู้เขียน : ทมยันตี
❄บทนำ❄ทวิภพ เทวิภพ เป็นบทประพันธ์แนวรักโรแมนติกกึ่งประวัติศาสตร์ของทมยันตี นักเขียนนวนิยายชื่อดังของประเทศไทย โดยนวนิยายเล่มนี้ถูกนำไปตีพิมพ์แล้วนับครั้งไม่ถ้วน เช่นเดียวกับการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ และละครเวทีนับหลายครั้ง ตีพิมพ์ลงในนิตยสารสกุลไทย ใช้เวลา 2 ปี ที่นำเสนอเรื่องราวของความรักต่างภพ ระหว่างอดีตและปัจจุบันมาบรรจบกัน โดยมีเรื่องของประวัติศาสตร์บ้านเมืองมาเกี่ยวข้องด้วย เพื่อให้มีอรรถรส ในการอ่านให้ดูเข้มขึ้น บทประพันธ์ชิ้นนี้ คุณทมยันตี ได้ใส่รายละเอียดของความเป็นอยู่ของบุคคลในสมัยเก่าได้อย่างแนบเนียนยิ่ง เป็นนวนิยายรักที่แฝงไปด้วยเรื่องของประวัติศาสตร์บ้านเมืองและเกร็ดความรู้ทางด้านความเป็นอยู่ของบุคคลสมัยนั้นเป็นอย่างดี ถึงแม้เยาวชนหรือวัยรุ่นอ่านก็เหมาะสม เพราะไม่ได้มีความรักที่เป็นเรื่องราวของทาง "เพศ" แต่เป็นเรื่องราวความรักที่มีความผูกพันข้ามชาติที่ดูลึกซึ้ง
❄ประวัติผู้แต่ง❄
ทมยันตี (ทะ-มะ-ยัน-ตี) เป็นนามปากกาของ คุณหญิงวิมล ศิริไพบูลย์ (10 กรกฎาคม พ.ศ. 2480—ปัจจุบัน) เป็นนักประพันธ์นวนิยาย ผลงาน อาทิ คู่กรรม, ทวิภพ, ค่าของคน, อุบัติเหตุ, ดาวเรือง, ล่า, เวียงกุมกาม, นากพัทธ์, พิษสวาท, ดั่งดวงหฤทัย, คำมั่นสัญญา, พี่เลี้ยง, เลือดขัตติยา และอื่นๆ ซึ่งมีการสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายยุคหลายสมัย
วิมลเริ่มเขียนเรื่องสั้นเป็นครั้งแรกเมื่ออายุ 14 ปี ขณะเรียนอยู่ชั้นม. 4 ได้ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร ศรีสัปดาห์ และได้เขียนเรื่องสั้นต่อเนื่องอยู่ถึง 11 ปี ขณะที่เริ่มเขียนเรื่องยาวเรื่องแรกคือเรื่อง ในฝัน เมื่ออายุ 19 ปี ใช้นามปากกา โรสลาเรน ตีพิมพ์ในนิตยสารศรีสัปดาห์ วิมลเขียนเรื่องสั้นและนวนิยายจนอายุ 70 ปีจึงเลิกเขียน
วิมลนิยมการใช้สำนวนภาษาตามแบบหลวงวิจิตรวาทการ และนักเขียนสตรีรุ่นเก่า คือ ร. จันทพิมพะ
นวนิยายหลายเรื่องถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ เช่น คู่กรรม ทั้งสองภาค ดั่งดวงหฤทัย ทวิภพ คำมั่นสัญญา ดาวเรือง รอยอินทร์ ร่มฉัตร เลือดขัตติยา ในฝัน เป็นต้น นวนิยายที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ คู่กรรม ภาคหนึ่ง
วิมลมีนามปากกา 5 ชื่อ ได้แก่
1.โรสลาเรน เป็นนามปากกาแรก เทียบคำในภาษาฝรั่งเศส แปลว่า "กุหลาบราชินี" ใช้เขียนเรื่องรักพาฝันหรือจินตนิยาย วิมลกล่าวว่านามปากกานี้นำมาจากชื่อนางเอกซึ่งเป็นนักร้องโอเปร่าในเรื่องสั้นของหลวงวิจิตรวาทการ
2. ลักษณวดี ใช้สำหรับเขียนนวนิยายรัก ส่วนใหญ่เป็นเนื้อหาของเหล่าเจ้าหญิงเจ้าชาย คำว่า "ลักษณวดี" มีความหมายว่า "นางผู้มีลักษณะดี , นางผู้งามเลิศ" วิมลนำชื่อ "ลักษณวดี" ซึ่งเป็นนางในวรรณคดีและเป็นมเหสีของพระลอดิลกราชจากวรรณคดีเรื่อง "ลิลิตพระลอ"
3.กนกเรขา ใช้สำหรับแต่งเรื่องตลกเบาสมอง คำว่า "กนกเรขา" แปลว่า "อักษรอันวิจิตร" วิมลนำชื่อ "กนกเรขา" ซึ่งเป็นนางในวรรณคดีเรื่อง "กนกนคร" ของ น.ม.ส. มาใช้เป็นนามปากกา
4. ทมยันตี (อ่านว่า ทะ-มะ-ยัน-ตี) แปลว่า "นางผู้มีความอดทนอดกลั้น" เป็นนางในวรรณคดีเรื่อง "พระนลคำหลวง" ของ ร.6 เป็นนามปากกาที่ใช้แต่งเรื่องราวที่สะท้อนชีวิตและสังคม รวมทั้งแต่งเรื่องแนวจิตวิญญาณ วิมลเริ่มใช้นามปากกานี้ในการประพันธ์นวนิยายเรื่อง "รอยมลทิน" เป็นเรื่องแรก
5.มายาวดี ใช้เขียนเรื่องเกี่ยวกับศาสตร์แห่งเทวะ หรือเรื่องเล่าจากตำนาน ความเชื่อต่าง ๆ และในปัจจุบันยังใช้นามปากกานี้เขียนคอลัมน์ "สนธยากาล" ลงในนิตยสารขวัญเรือน
แม้ไม่ปรากฏว่างานเขียนของทมยันตีเคยได้รับรางวัลสำคัญ แต่เป็นที่ยอมรับทั่วไปว่าทมยันตีถือเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จ มีผลงานได้รับความนิยมอย่างสูงเป็นจำนวนมาก เหตุผลที่ไม่มีผลงานของทมยันตีได้รับรางวัลทางวรรณกรรมใด ๆ นั้น เป็นเพราะทมยันตีไม่ประสงค์ให้นำผลงานของตนไปส่งประกวด และปฏิเสธการรับรางวัลทั้งปวง ทมยันตีได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ ฉันเคยได้รับรางวัลจากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ มาแล้ว นั่นคือรางวัลสูงสุดในชีวิต จากนั้นไม่เคยอยากได้อีกเลย"
❄วิเคราะห์องค์ประกอบของทวิภพ❄
💟💟เนื้อเรื่องย่อ💟💟
มณีจันทร์ สาวแห่ง พ.ศ. นี้ ผู้ถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ชาติตระกูลและการศึกษา ใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมาแทบตลอด เพราะพ่อของเธอรับราชการในกระทรวงการต่างประเทศ และต้องเดินทางตามประเทศต่าง ๆ ในฐานะเอกอัครราชทูต
เมื่อมณีจันทร์และคุณมาลิดา ผู้เป็นแม่กลับมาเยี่ยมบ้านเกิด มณีจันทร์ฝันซ้ำ ๆ อยู่แต่เรื่องเดียว เธอฝันเห็นเรือนทรงไทยตะคุ่ม ๆ เห็นห้องหนึ่งสลัวราง และในห้องนั้นก็มีเสียงเรียก "แม่มณี...แม่มณีจ๋า" เธอตื่นทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเรียกนั้นนุ่มนวลชวนให้ถวิลหายิ่งนัก
มณีจันทร์ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังแม้แต่คุณมาลิดา จนกระทั่งวันหนึ่งเธอซื้อกระจกบานหนึ่งมาจากร้านขายของเก่า กระจกบานยาวในกรอบไม้ฉลุสลักลวดลายเก่าจนฝุ่นเขรอะ ลายบางส่วนหักวิ่น "กระจกสมัย รัชการที่ 5" เจ้าคุณวิศาลคดี ชายชราผู้ขายบอกเธอ ที่กระจกมีรอยร้าวเป็นทางจากมุมลงมา มณีจันทร์ใช้ปลายนิ้วเช็ดกระจกเฉพาะตรงหน้า แว่บแรก เธอรู้สึกคุ้นเคยราวกับเคยเห็นคันฉ่องกรอบนั้นมาช้านาน หัวใจเอิบอาบซาบซ่าละม้ายได้ของรักคืนมา
กระจกบานนั้นถูกตั้งไว้ในห้องนอนของเธอทำมุมกับอ่างล้างหน้าและเหยือกโบราณที่มีอยู่เดิม สิ่งอัศจรรย์หลายอย่างเกิดขึ้นกับเธอแม้ยามหลับและยามตื่น เธอรู้สึกถึงความผูกพันแนบแน่นที่มีต่อเจ้าของเสียง "แม่มณี...แม่มณีจ๋า" ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าผู้เรียกเลย วันหนึ่งเธอก็ได้เห็น "เขา" เห็นรูปถ่ายที่บ้านกุลวรางค์ เพื่อนสนิท มณีจันทร์รู้สึกว่าใช่คนนี้แน่นอนจึงซักไซร้จนได้ความว่าท่านคือ เจ้าคุณอัครเทพวรากร หรือ หลวงเทพ เอกอัครราชทูตไทยคนแรกประจำสหรัฐอเมริกา และคุณหญิงของท่านชื่อ "คุณมณี" มณีจันทร์จึงขอรูปหลวงเทพจากกุลวรางค์ รูปที่ได้มาเหมือนสายใยที่ร้อยรัดความรู้สึกของมณีจันทร์ ให้แนบแน่นกับผู้ชายในฝันมากขึ้น จนกลายเป็นเส้นที่ขีดขั้นระหว่างเธอกับไรวัต นายทหารหนุ่มแห่งกองทัพบกผู้ถึงพร้อมทั้งชาติตระกูล ทรัพย์สมบัติ และความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ไรวัตรักมณีจันทร์มาก แต่รู้สึกว่าการกลับมาเมืองไทยคราวนี้มณีจันทร์แปลกไป เขารู้สึกว่าเธอมีคนอื่น ทำให้เขาร้อนรุ่มใจยิ่งนัก
กระจกที่ได้มาทำให้มณีจันทร์เกิดเห็นภาพนิมิตหลายครั้งจากเงาสะท้อน แต่เธอก็บอกใครไม่ได้ เธอจึงไปคุยกับดร.ตรอง นักฟิสิกส์เพื่อนสนิทอีกคน ดร.ตรอง ยืนยันความเป็นไปได้ของการมองเห็นภาพในอดีต ทำให้มณีจันทร์มั่นใจวาสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอไม่ใช่เรื่องเหลวไหล
มณีจันทร์แน่ใจว่า กระจกเป็นสื่อจากเธอถึงเจ้าคุณอัครเทพวรากรในอดีต และรับภาพจากอดีตมาถึงเธอ ทุกวันเธอจดจ่ออยู่กับการหาหนทางให้ติดต่อกับภาพในอดีตนั้นได้ เพราะเธอรู้สึกว่าผู้ที่อยู่ไกลโพ้นในอดีตก็หวนหาเธออยู่เช่นกัน และด้วยกระแสจิตแห่งความผูกพันธ์ที่รุนแรง ทำให้กระจกเกิดพลานุภาพดึงมณีจันทร์หลุดเข้าไปสู่ห้วงแห่งกาลเวลาย้อนกลับไปสู่อดีต สู่ชายที่เธอเฝ้าใฝ่หามาตลอด เมื่อเธอข้ามไปยังภพอดีต เธอก็ต้องกลับมา เป็นอย่างนั้นอยู่บ่อยครั้ง แล้วหลวงเทพก็ได้ให้สร้อยคอกับเธอไว้ เพื่อใช้เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่เธอจะได้ไปในอดีต แล้วสร้อยคอนี้ยังเป็นสัญญาณว่าเธอต้องกับมายังภพปัจจุบันของเธออีกด้วย ความผูกพันและใฝ่หากันค่อย ๆ สานตัวเป็นความรักที่อ่อนหวาน โดยทั้งสองฝ่ายไม่ต้องเอ่ยปากบอกรักกัน ซึ่งขณะนั้นเจ้าคุณอัครเทพวรากร ซึ่งขณะนั้นเป็นแค่เพียง หลวงอัครเทพวรากร ไม่เคยคิดถามหาหัวนอนปลายเท้าของดรุณีแรกรุ่นวัย ที่กำเนิดผู้ผุดขึ้นกลางเรือนชานผู้นี้เลย และยิ่งกว่านั้น ยังคิดปกป้องดูแลหนทางแห่งการ ไป-มา ของเธอให้สะดวกราบรื่นโดยไม่ให้ใครรู้เห็นอีกด้วย แต่ความก็แตกจนได้ เมื่อบ่าวไพร่สังเกตในความแปลกของนายจนเล่าลืออื้ออึงว่า นายเลี้ยงผี เมื่อม้วน บ่าวสาวได้ประจันหน้ากับผู้มาเยือนในห้องนอนของหลวงเทพ และในที่สุดคุณหญิงแสร์ มารดาผู้เฉลียวฉลาดของหลวงเทพ ได้ประจักษ์ด้วยตาตนเองว่ามีสาวน้อยนางหนึ่งมาเยือนบุตรชายของท่านโดยผ่านทางกระจก ความเชื่อปรัมปราทำให้คุณหญิงสรุปว่าสาวน้อยนั้นมาจาก "เมืองลับแล"ความน่ารักและอิริยาอาการและการพูดจาของมณีจันทร์ ผูกใจคุณหญิงและบ่าวไพร่ทั้งบ้านไว้ได้อีก ทุกคนรอคอยการมาเยี่ยมเยือนของเธอ และอาลัยทุกครั้งที่เธอกลับสู่ถิ่นฐานของตน การได้มาเยือนอดีตทำให้ มณีจันทร์ใฝ่ใจที่จะค้นคว้าช่วงเวลาที่เธอมาเยือนมากขึ้น และเมื่อยิ่งรู้ว่าปัญหาที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ ในตอนนั้นคือ การที่ฝรั่งเศสคุกคามจะเอาดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นของไทยไปครอบครอง ปัญหานี้หลวงเทพต้องร่วมแก้ด้วย มณีจันทร์จึงยิ่งใฝ่ที่จะหาทางช่วยประเทศให้พ้นจากการล่าอาณานิคม มณีจันทร์ใช้ความรู้ความสามารถทั้งหมดที่มี ช่วยงานหลวงเทพในงานของบ้านเมืองเท่าที่เธอจะช่วยได้ และเธอก็ได้แสดงความฉลาดเฉลียวสูงสุดให้ปรากฏ ในงานเลี้ยงทูตานุทูตข้าราชการชาวต่างประเทศ หลวงเทพปักใจว่าผู้หญิงคนนี้แหละที่เขาจะเลือกเป็นคู่ครองแทน แม่ประยงค์ สาวน้อยผู้งดงามอ่อนหวาน และวางตัวอยู่ในกรอบข่ายของขนบประเพณีทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายหมายไว้ให้แก่กัน ในใจของมณีจันทร์ก็แอบหวั่นไม่น้อย เพราะเจ้าหล่อนทั้งเป็นคนไม่สนใจระเบียบมากนัก เข้าขั้นม้าดีดกะโหลกก็ว่าได้ แต่ด้วยความร่าเริงและสดใสของเธอนั้นก็ทำให้หลายๆคนเอ็นดูเธอไปในคราเดียวกัน เว้นแต่คุณหญิงสรเดช มารดาของแม่ประยงค์ ที่ดูเหมือนจะไม่ชอบมณีจันทร์มากนัก เพราะดูออกว่าหลวงเทพมีใจให้กับมณีจันทร์แทนที่จะเป็นลูกสาวของเขา คุณหญิงสรเดชะยายามทุกวิถีทางเพื่อให้มณีจันทร์ดูด้อยกว่าแม่ประยงค์ ลูกสาวของเธอ แต่กระนั้นมณีจันทร์ก็มีอาจสู้ได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมารยาท งานบ้านงานเรือน หรือเรื่องที่ผู้หญิงในสมัยนั้นควรจะทำ ก็คงจะมีเรื่องเดียวที่มณีจันทร์ชนะประยงค์แบบขาดลอยก็คือ เรื่องการใช้ภาษาฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษ มณีจันทร์ได้ใฃ้ความสามารถตรงนี้ของเธอช่วยงานหลวงเทพ ทำให้ได้รับความดีความชอบใหญ่ ความรักระหว่างเธอกับหลวงเทพก็ค่อยๆก่อตัวมากยิ่งขึ้น แต่ยิ่งนานไป หลวงเทพกลับกลัว และไม่มั่นใจว่า สาวน้อยผู้มาเยือนทางกระจกนั้นจะอยู่กับเขาได้ตลอดไป กระจกบานนั้นไม่เคยให้ความแน่นอนในการมาและไปของเธอ ไม่เคยให้ความมั่นใจว่า เธอจะอยู่ในภพของเขาได้นานเท่าที่เขาต้องการอยากให้อยู่ เขาต้องยอมจำนนกับกระจกบานนี้หรือไม่ หากคนสองคนหลวงเทพและมณีจันทร์จะประคองรักแท้ระหว่างกันให้ดำเนินต่อไปได้ คงต้องมีใครสละอะไรเพื่อรักแท้นั้นแน่นอน
💟💟โครงเรื่อง(Plot)💟💟
มณีจันทร์ (เมณี่) นางเอกของเรื่องเป็นบุตรีของเอกอัครราชทูตไทยที่ต้องไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง มณีจันทร์ได้ซื้อกระจกบานหนึ่งมาและต่อมาได้พบว่ากระจกบานนั้น สามารถพาเธอย้อนกลับอดีตไปในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ และได้โผล่ไปที่เรือนของหลวงอัครเทพวรากร ข้าหลวงประจำกรมเจ้าท่า มณีจันทร์หายไปจากบ้านอย่างไร้ร่องรอยบ่อยครั้ง เป็นเหตุให้เพื่อนสนิทอันมีกุลวรางค์, ไรซ์ (ตรอง), ไรวัติ (หนุ่มที่มาติดพัน) ต้องเดือดร้อนตามหาตัวกัน การปรากฏตัวของมณีจันทร์สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนในบ้านหลวงอัครเทพวรากรเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความฉลาดของมณีจันทร์ ทำให้คนที่ได้พบเห็นอดที่จะรักเธอไม่ได้ มณีจันทร์เดินทางข้ามภพบ่อยครั้งขึ้น เมื่อได้ทำความคุ้นเคยกับหลวงอัครเทพวรากรและคุณหญิงแสร์ มารดาของคุณหลวงแล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกรักและผูกพันกับหลวงอัครเทพวรากรและคนที่บ้านหลวงอัครเทพวรากรมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทุกคนรวมทั้งมณีจันทร์ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมเธอจึงเดินทางข้ามกาลเวลามาที่นี่ นอกเหนือจากที่จะมาพบกับเนื้อคู่ที่แท้จริงแล้ว ยังต้องมาช่วยกอบกู้สถานการณ์ของสยามซึ่งกำลังอยู่ในช่วงคับขัน เพราะทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษ ซึ่งอยู่ในยุคล่าอาณานิคม กำลังจะเอาสยามเป็นแดนกันชน และลงท้ายจะแบ่งแยกประเทศออกโดยเอาแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเส้นปักปันเขต มณีจันทร์จึงต้องใช้ความรู้ทางด้านภาษาช่วยหลวงอัครเทพวรากรและเจ้าคุณวิศาลคดีแก้เกมของประเทศนักล่าเมืองขึ้นทั้งสอง ในขณะเดียวกันเธอก็เริ่มผูกพันกับอดีตภพและความรักที่มีต่อหลวงอัครเทพวรากรมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ปัญหาใหญ่ของบ้านเมืองจะต้องเร่งแก้ไข มณีจันทร์เองก็มีอีกปัญหาหนึ่งที่รอคอยให้เธอตัดสินใจเช่นกัน กระจกซึ่งเป็นประตูเชื่อมเวลาจะมีรอยร้าวเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เธอผ่านเข้าออก มันจะต้องแตกลงในวันหนึ่ง นั่นหมายถึงว่าเธอจะไม่สามารถเดินทางข้ามผ่านเวลาได้อีกต่อไป และเมื่อวันนั้นมาถึง มณีจันทร์จะตัดสินใจเช่นไร ระหว่างการอยู่ในภพอดีตกับหลวงอัครเทพวรากรผู้ที่รักเธอสุดหัวใจ หรือการกลับไปยังภาพที่เธอจากมา กลับไปเป็นสาวทันสมัยแห่งโลกปัจจุบันที่มีแม่ผู้เป็นที่รักรอคอยอยู่
💟💟แนวคิด(Theme)💟💟
ด้านแนวคิด พบว่านวนิยายไทยที่นําเสนอการเดินทางข้ามเวลามีทั้งแนวคิดหลักและแนวคิดรอง แนวคิดหลักมี 4 กลุ่ม ได้แก่ ❤แนวคิดเกี่ยวกับเวลาและความรัก ก็คือ คนสองคนที่อยู่กันคนละภพ มาเจอกันได้ก็เพราะว่าความรัก
❤แนวคิดเกี่ยวกับการสะท้อนสภาพปัญหาและชี้นําแนวทางการแก้ปัญหาแก่สังคมในปัจจุบัน
❤แนวคิดเกี่ยวกับการเทิดทูนวีรกรรมบรรพบุรุษ ปลูกฝังจิตสำนึกความรักชาติ
❤แนวคิดเกี่ยวกับคุณค่าความสามัคคี
แนวคิดรองมี 2 กลุ่ม ได้แก่
💙แนวคิดที่เชื่อว่าอดีตแก้ไขไม่ได้
💙แนวคิดที่เชื่ว่าอดีตแก้ไขได้ โดยผู้เขียนนวนิยายส่วนใหญ่นำเสนอแนวคิดที่ว่าอดีตแก้ไขไม่ได้ โดยอ้างหลักพุทธธรรมคือกฎไตรลักษณ์ และ กฎแห่งกรรม
💟💟ฉากและบรรยากาศ(Setting and Atmosphere)💟💟
อย่างเช่นในตอนที่ 3 ของบทประพันธ์ ที่แสดงให้เห็นถึงความครุ่นคิดและหนักใจของมณีจันทร์ต่อเหตุการณ์ที่เธอพบเจอ รวมทั้งความสับสนกัยเหตุการณ์เหล่านั้น
มณีจันทร์ไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีบางสิ่งอยากให้เธอย้อนอดีตกลับไปช่วย แต่กลับมีพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าขัดขวางไว้ เธอลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับไทยเสียดินแดน ปี ร.ศ. 112 ในคอมพิวเตอร์ อยู่ๆเว็บไซต์ต่างๆก็พร้อมใจกันล่ม มณีจันทร์ถอนใจเฮือก เดินมาที่หน้าต่างห้องนอนตัวเอง เงยหน้ามองท้องฟ้า
สิ้นเสียงมณีจันทร์ไฟฟ้าดับพรึ่บแทนคำตอบ เท่านั้นยังไม่พอคอมพิวเตอร์ของเธอช็อตควันโขมง มณีจันทร์แน่ใจ มีอำนาจบางอย่างไม่ต้องการให้เธอได้ข้อมูลพวกนั้น
และอีกหนึ่งตอนที่ชี้ให้เห็นว่าหลวงเทพก็เริ่มสับสนในความรู้สึกของตนเอง และเริ่มรู้สึกรักแม่มณีมากขึ้นเรื่อยๆ
คุณหญิงแสร์เห็นลูกชายได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่บนเตียง เลยเข้ามาอยู่คุยเป็นเพื่อน
“เป็นอย่างไรบ้าง เบื่อไหม หลวงเวชท่านไม่อยากให้ลุก เชื่อท่านหน่อย อดทนหน่อยนะพ่อเทพ เอ... นี่ผ้าแพรนี่" คุณหญิงแสร์หยิบผ้าแพรผืนใหม่ที่หลวงอัครเทพห่มอยู่ขึ้นมามองสงสัย แต่ยังไม่ทันจะถามอะไร
หลวงอัครเทพกำลังกลุ้มใจเรื่องมณีจันทร์ชิงถามขึ้นก่อนว่า
“ผู้หญิงที่จู่ๆโกรธมักจะคิดอะไรขอรับ”
“ผู้หญิงคนไหน”
“ใครไปทำอะไรให้ทำไมไม่พูดมาตรงๆทำเป็นไม่พูดไม่จาน่าอึดอัด”
คุณหญิงแสร์แนะ ถ้าผู้หญิงไม่พูดด้วย เขาก็ควรถามเธอไปตรงๆ หลวงอัครเทพคิดคล้อยตามคำแนะนำของแม่ รอจนปลอดคน แอบย่องออกจากห้อง ตามหามณีจันทร์...
พอท่านหันกลับมาอีกที มณีจันทร์ลงไปคลานหาเอกสารใต้โต๊ะทำงาน เจ้าคุณวิศาลคดีนั่งขำกับท่าทางซุกซนเหมือนเด็กๆของเธอ ม้วนผ่านมาเห็นมณีจันทร์คลานก้นโด่ง ทั้งที่เจ้าคุณวิศาลคดีนั่งอยู่ด้วย รีบเข้ามาเตือนมณีจันทร์ทำกิริยาเช่นนี้ต่อหน้าท่านเจ้าคุณ ดูไม่งาม มณีจันทร์นึกขึ้นได้ คว้า เอกสารที่เพิ่งหาเจอ รีบลุก
แต่ด้วยความซุ่มซ่ามหัวชนโต๊ะโครม ถึงกับร้องเสียงหลง
“โห...หัวเราะใหญ่เลย เห็นเราเป็นตัวตลกไปแล้ว อิฉัน มณีจันทร์น่ะนางเอกนะเจ้าคะ...นี่เจ้าค่ะ” มณีจันทร์ยื่นเอกสารให้ เจ้าคุณวิศาลคดียกมือเป็นทำนองจะไม่หัวเราะอีก แล้วรับเอกสารมาอ่าน
“อืม...เอ...ใต้รูปนี้เขาเขียนว่าอะไร”
“เดี๋ยวนะเจ้าคะ เดี๋ยวแปลให้เลยเจ้าค่ะ ขอหาปากกาก่อน” มณีจันทร์ทำท่าจะมุดใต้โต๊ะอีกทั้งที่ตัวเองเอาปากกาเหน็บไว้ข้างหู
เจ้าคุณวิศาลคดีบอกว่าไม่ต้องมุดใต้โต๊ะ เดี๋ยวท่านจะช่วยหาให้ แล้วขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆมณีจันทร์เอื้อมมือ ไปหยิบปากกาที่เหน็บหูเธออยู่ พร้อมกับส่งยิ้มให้
“นั่งเฉยๆ...นี่ไงละ อยู่ตรงนี้ แม่นางเอกขี้ลืม” มณีจันทร์ยิ้มเขิน โดยไม่รู้ว่าหลวงอัครเทพยืนหน้าเศร้ามองเห็นเหตุการณ์ระหว่างทั้งคู่อยู่ครู่หนึ่งแล้ว
“แม่มณี...แม่มณีจ๋า รู้หรือไม่ ถูกเขาตีนอนป่วยหลายวัน ยังไม่เจ็บเท่าตอนนี้เลย”...
ทั้งสองฉากนี้ผู้เขียนต้องการชี้ให้เห็นถึงความสับสนครุ่นคิด และความรู้สึกที่หลากหลายอารมณ์ของตัวละคร
💟บทสนทนา(Dialogue)💟💟
ตัวอย่าง
“แล้วจะเรียนท่านว่ายังไงพ่อเทพ ผู้หญิงยิงเรือจะรู้ข้อราชการได้อย่างไร”คุณหญิงแสร์สีหน้าเป็นกังวล
“คิดจะกราบเรียนท่านว่าเป็นน้อง รู้ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส ท่านจะเข้าใจเอง”
มณีจันทร์นั่งเล่นอยู่กับกองพลูกองหมากอยู่บนเรือน มองหลวงอัครเทพที่นั่งคุยกับคุณหญิงแสร์อยู่ที่ศาลาแล้วนึกอะไรขึ้นมาได้ คุณหญิงสรเดชเอาซองหมากพลูท่ีเจียนอย่างสวยงามของประยงค์มาอวดมณีจันทร์
“อุ๊ยตาย...นี่หรือคะที่เขาเรียกเจียนหมากพลู น่ารักจริง”มณีจันทร์มองอย่างชื่นชม
"หมากพลูน่ะเป็นของสำคัญนะมีเมียเจียนหมากจีบ พลูได้งาม ชีวิตผัวก็มีความสุขมากโขแล้ว...เอ้า...นังอิ่ม...เอาไปให้คุณหลวง”
“ฮิๆกินหมากทุกคำคิดถึงน้อง”
“คุณหลวงชื่นชมใหญ่ เอาใส่ปากเคี้ยวทันที ดูสิ...แม่ประยงค์ของแม่หน้าแดงก่ำ เขาเรียบร้อย เขาไม่ชอบให้แม่ทำอะไรแบบนี้ดอก”
ตกดึกคืนนั้น มณีจันทร์เก็บเอาเรื่องนี้ไปคิดจนนอนไม่หลับ ลุกขึ้นมานั่งบ่นคนเดียว
“ของเขาทั้งเจียนหมากจีบพลูให้กินจนวันตาย เราทำได้แค่เป่าใบพลูฝากสายลม...เฮอะ งี่เง่าชะมัด...คุณหลวงคะ...คุณประยงค์เหมาะกับคุณหลวงจริงๆด้วยค่ะ”มณีจันทร์ถอนใจเฮือก...
เช้าวันต่อมา ทันทีที่หลวงเจนพาณิชย์ก้าวเข้ามาในห้าง มร.จอห์นชี้หน้าด่าลั่นที่เขาไม่เอาจดหมายสำคัญของตนไปส่งให้ มร.คล้าก
"อ๋อ...จดหมาย...ไม่ขอรับไม่หาย กระผมลืมเอาไว้ เดี๋ยวกระผมจะรีบเอาไปให้ มร.คล้ากวันนี้เลยขอรับ”
“ทำงานแย่มากเช้าชามเย็นชามเหมือนกันหมด พวกเรากระตือรือร้นกว่านี้มาก เราถึงได้ดิบได้ดี แล้วดูพวกคุณสิ ฮึ...แบบนี้เมื่อไหร่ประเทศคุณจะเจริญ...หา”
“จดหมายที่ต้องให้กรมท่าของกระผมตรวจก่อนใช่ไหมขอรับ”
“กระผมจะตอบเพียงครั้งเดียว กระผมไม่มีจดหมายที่ว่า เชิญออกไปได้แล้ว”
“แค่มองหน้าเอ็งก็รู้แล้ว จดหมายอยู่กับเอ็งแน่ๆไอ้เทพ”
“แสดงว่าจดหมายนั่นสำคัญมาก หลวงเจนจึงมาขอคืน เราต้องรักษาจดหมายนั้นไว้ให้ดี...เอ...เราเอาไปทำงานตรงไหนนะ”
มณีจันทร์กำลังจะลงไปที่ศาลาเห็นหลวงเจน-พาณิชย์บ่ายหน้าไปที่นั่นเช่นกัน เธอยอมให้เขาเอาจดหมายไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหลวงเทพจะถูกกล่าวหาว่าเป็ยขโมยได้
"คุณท่านออกไปไม่ได้เจ้าค่ะ”
“ฉันรู้ ผู้หญิงดีๆเขาไม่ทำกันหรอก แต่ผู้หญิงบ้า...เขายกเว้น”
ประยงค์ที่เดินเข้ามากับยาวบ่าวหญิงรับใช้ของเธอ หลวงเจนพาณิชย์อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
“แม่ประยงค์ใช่ไหม...กระผมหลวงเจนพาณิชย์ขอรับ กระผมเห็นแม่ประยงค์ตามเสด็จบ่อยๆ ไม่เคยได้มีโอกาสคุยด้วยสักที วันนี้โชคดีของกระผมเหลือเกิน”
“เรียนภาษาอังกฤษใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นคงรู้วิธีทักทายของพวกฝรั่ง shake hand”
“เรียนภาษาอังกฤษใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นคงรู้วิธีทักทายของพวกฝรั่ง shake hand”
💟💟ตัวละคร(Character)💟💟
🌈 เจ้าคุณอัครเทพวรากร หรือ หลวงเทพ เอกอัครราชทูตไทยคนแรกประจำสหรัฐอเมริกา มีความสุภาพนุ่มนวล รักบ้านเกิด เป็นสุภาพบุรุษ มีความมั่นคงในรัก
🌈 มณีจันทร์ สาวแห่ง พ.ศ. นี้ ผู้ถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ชาติตระกูลและการศึกษา มีความมั่นใจในตัวเองสูง ใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมาแทบตลอด เพราะบิดารับราชการในกระทรวงการต่างประเทศ และต้องเดินทางตามประเทศต่าง ๆ ในฐานะเอกอัครราชทูต มีความสามรถในการใช้ภาษาฝรั่งเศส
🌈 ไรวัต นายทหารหนุ่มแห่งกองทัพบกผู้ถึงพร้อมทั้งชาติตระกูล ทรัพย์สมบัติ และความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ไรวัตรักมณีจันทร์มาก แต่รู้สึกว่าการกลับมาเมืองไทยคราวนี้มณีจันทร์แปลกไป เขารู้สึกว่าเธอมีคนอื่น ทำให้เขาร้อนรุ่มใจยิ่งนัก
🌈 ม้วน บ่าวสาวผู้รับใช้แม่มณีในอดีต มีความจงรักภักดีต่อเจ้านายมาก รักแม่มณีมาก
🌈 คุณหญิงแสร์ มารดาผู้เฉลียวฉลาดของหลวงเทพ มีความเชื่อปรัมปรา เอ็นดูในความน่ารักของแม่มณีมาก
🌈 ประยงค์ สาวน้อยผู้งดงามอ่อนหวาน และวางตัวอยู่ในกรอบข่ายของขนบประเพณีทุกกระเบียดนิ้ว เป็นคู่หมายของหลวงเทพ
🌈 มาลิดา ผู้เป็นมารดามณีจันทร์
🌈 กุลวรางค์ เพื่อนสนิท มณีจันทร์ เป็นคนมีความรู้ มีความสดใสร่าเริง ไม่ค่อยมีความเป็นกุลสตรีมากนัก
🌈 ดร.ตรอง นักฟิสิกส์ เก่ง มีความรู้ และเป็นคนมีเหตุมีผล
🌈 คุณหญิงสรเดช มารดาของประยงค์ เป็นเพื่อนกับคุณหญิงแสร์ มารดาของหลวงเทพ ไม่ขอบพอกับแม่มณีมากนัก เพราะต้องการให้ลูกได้ออกเรือนกับหลวงเทพ
🌈 ท่านเจ้าคุณวิศาลคดี ชายผู้เป็นคนกุมความลับสู่จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมด เขาจะสามารถช่วยประเทศไทยให้รอดพ้นจากการรุกรานของฝรั่งเศสและอังกฤษได้
🌈 หลวงเจนพาณิช" ข้าราชการที่มีหัวใจฝักใฝ่ชาติตะวันตก ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ตัวเองโดยไม่คิดถึงชาติบ้านเมือง หาเรื่องรังแกคนอื่นแม้กระทั่งผู้หญิง
💟💟กลวิธีการเล่าเรื่อง(Point of View)💟💟
เป็นวรรณกรรมประเภทร้อยแก้ว มีเพียงบางตอนเท่านั้นที่เป็นร้อยกรอง นวนิยายอธิบายถึงภาพสังคมสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยการเคลื่อนไหว รวดเร็ว สว่างไสว เป็นเมืองที่หลงลืมอดีต และมิติของเวลาเป็นมิติที่เดินทางเป็นเส้นตรง ในขณะที่การปรากฏขึ้นของภาพร้านขายของโบราณ มีความมืดทึบ อึมครึม เก่าเก็บ โบร่ำโบราณ เป็นเรื่องของการที่อดีตสามารถย้อนหวนคืนมาได้ในยุคของเวลาสมัยใหม่และอดีตเป็นอดีตที่ถูกกดทับเอาไว้ ทมยันตีบรรยายภาพของมณีจันทร์ว่าเป็นผู้หญิงสมัยใหม่แต่งตัวทันสมัย แต่ภาพในกระจกที่มณีจันทร์เห็นในร้านขายของโบราณกลับกลายเป็นภาพของผู้หญิงโบราณอ่อนหวานงามละมุน ฉากที่มณีจันทร์เห็นผู้หญิงในกระจกสื่อให้เห็นถึงการสูญหายไปและความบกพร่องของอัตลักษณ์ เงาที่ปรากฏในกระจกคือความปรารถนาของเธอ แต่ภาพของความปรารถนานี้คือความปรารถนาที่ต้องห้ามเพราะทมยันตีบรรยายไว้ว่ากระจกมีความร้าวลึก เป็นลักษณะที่อันตราย คนไทยถือ ไม่นิยมนำเข้าบ้าน เพราะฉะนั้นสิ่งที่มณีจันทร์โหยหาปรารถนาคือสิ่งที่ต้องห้ามไปพร้อมๆ กัน ประเด็นนี้จริงๆ อธิบายถึงสังคมไทยสมัยใหม่ในยุคโลกาภิวัตน์ว่าเป็นสังคมที่ไม่มีพื้นที่ให้กับอดีตและความเป็นไทย ถ้ามณีจันทร์ต้องการภาพตัวเองแบบในกระจกที่เห็นนั้น มันหมายถึงความสูญสลายของตัวตน เพราะฉะนั้นการนิยามตัวเองกับภาพเงา จึงนำไปสู่การสลายของอัตลักษณ์ที่ตัวละครสร้างขึ้นอย่างเป็นเอกภาพ
❄วินิจฉัยสาร❄
ทวิภพฉบับนี้มีชื่อภาษาอังกฤษห้อยท้ายว่า Siam Renesiance อันหมายถึงยุคแผ่นดินรัตนโกสินทร์ที่กำลังจะก้าวสู่ความเป็นสยามใหม่ ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็จริงนะครับ เพราะหนังได้สื่อสารให้เราเห็นการวางตัวของสยามเมื่อปี พ.ศ. 2398 ว่าจะเอาตัวรอดได้อย่างไรเพื่อให้พ้นปากเหยี่ยวปากกาจากมหาอำนาจ อย่างอังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งที่สุดแล้วทั้งสองประเทศเลือกที่จะใช้สยามเป็นรัฐกันชน (Buffer State) มากกว่าจะมาแย่งกันเอง ประกอบกับนโยบายการต่างประเทศของรัฐบาลสยามสมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ เลือกที่ปรับตัวมากกว่าดึงดันอย่างแตกหัก เนื้อหานั้นสื่อให้เราได้เห็นการครอบงำของฝรั่งนั้นมิได้ทำผ่านกลอุบายเรือปืนเพียงอย่างเดียวครับ หากแต่การเข้ามาเผยแพร่ศาสนาก็จัดเป็นหนทางหนึ่งที่ชนตะวันตกอยากให้ชาวตะวันออกได้คิดและเชื่อเหมือนที่พวกเขาเชื่อ ตัวอย่างที่พบในหนังคือ การเข้ามาของมิชชันนารีสอนศาสนาอย่างหมอบรัดเลย์ (Dan B. Bradley) นวนิยายพาเราย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2398 โดยมี มณีจันทร์หรือ แมนี่ เป็นนางเอกเดินเรื่อง กลวิธีการเล่าเรื่องสลับไปสลับมาผ่านเพลงบรรเลงที่ฟังแล้วทำให้คนดูฉงนตามไปด้วยว่าว่าตกลงแล้ว"เรากำลังฝันไปหรืออยู่ในโลกของความจริงกันแน่" จะว่าไปแล้วการมองเห็นภาพอดีตผ่านสื่อภาพยนตร์นั้นมันทำให้เรามองเห็นความรู้สึกของคนโบราณว่า พวกเขาจะเอาตัวรอดได้อย่างไรในช่วงเวลาคับขันเช่นนั้น ยังสื่อสารให้เราเห็นว่า หากเราเลือกที่จะสู้เราก็คงรบแพ้เหมือนอย่างที่พม่าและญวนแพ้ ไม่แน่ว่าทุกวันนี้พวกเราอาจจะต้องใช้ภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศสเป็นภาษาประจำชาติก็ได้ บรรพบุรุษของเราเลือกแก้ปัญหาได้ดีที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ และอย่างน้อยเขาก็รักษาให้แผ่นดินนี้ไม่ต้องตกเป็นของใคร
❄บทสรุป❄
ในตอนท้ายของเรื่อง มณีจันทร์ก็ได้ตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับเพื่อนของเธอและมารดาของเธอ พร้อมทั้งขอตัวเลือกว่าเธอจะตัดสินใจอย่างไรดีกับเหตุการณ์นี้ แล้วเธอก็ลือกที่จะอยู่กับหลวงเทพ และกระจกที่บ้านของเธอนั้นได้แตกเป็นเสี่ยงๆ และเธอก็ครองรักกับหลวงเทพต่อในชาติอดีต
❄สิ่งที่ได้รับ และสิ่งที่ประทับใจ❄
จากการอ่านนิยายเรื่องนี้ตัวดิฉันได้รับคือ
🌻ได้เห็นถึงความรักชาติบ้านเมืองของบรรพบุรุษคนไทยเรา ซึ่งเราคนยุคปัจจุบันควรอย่างยิ่งที่จะนำมาปฏิบัติตาม ในการรักชาตินี้ดูได้จากการที่หลวงเทพ ยอมที่จะมีปัญหากะหลวงเจน เพราะหลวงเจนนั้นเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ต้องการอำนาจบารมี ยอมที่จะขายชาติบ้านเมือง แต่ก็มีคนแบบหลวงเทพที่ยังคิดได้และรักบ้านเกิดมาก ทำให้คนแบบนี้ควรมีเยอะๆในสังคมไทยเราในปัจจุบัน
🌻เห็นถึงวิถีชีวิตของคนยุคเก่าในสมัยร.5 ที่มีวิถีชีวิตเรียบง่าย ไม่เร่งรีบเหมือนยุคปัจจุบันนี้
🌻เห็นถึงความรักที่แม่มอบให้ต่อลูก ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน คนเป็นแม่ก็ยังคงมีความรักความปรารถนาดีต่อลูกทั้งสิ้น ทั้งเรื่องงานและเรื่องความรัก
จากการอ่านนิยายเรื่องนี้สิ่งที่ดิฉันประทับใจมากๆคือ
การที่พระเอกและนางเอกอยู่คนละภพคนละชาติกันแต่ก็มาพบกันได้ด้วยกระจกเพียงบานเดียว สิ่งที่ผู้เขียนเขียนลงไปมันสื่ออารมณ์และความรู้สึกได้ชัดเจน ทั้งพระเอกและนางเอกต่างรอคอยกันมาเสมอ ไม่มีใครไปรักหรือชอบใคร มันลึกซึ้งและกินใจดิฉันมากว่า คนๆนึงจะรออีกคนได้นานขนาดนั้นเลยหรือ? แต่จากการอ่านนิยายเรื่องนี้จึงพบว่า ไม่ว่าเวลาจะนานกี่ปี กี่ภพ กี่ชาติ คนเราถ้าคู่กันยังไงก็ต้องคู่กันอย่างนั้น ซึ่งในชีวิตจริงคงไม่ได้มีโอกาสแบบนั้นแต่นิยายเรื่องนี้ก็ทำให้ได้อินกับความรักของหนุ่มสาวในยุคอดีตได้เป็นอย่างดี ❤
จัดทำโดย : นางสาวอมราวดี ไทยสุชาติ
รหัสนิสิต 611031109
คณะศึกษาศาสตร์ วิชาเอกเคมี
🌈 เจ้าคุณอัครเทพวรากร หรือ หลวงเทพ เอกอัครราชทูตไทยคนแรกประจำสหรัฐอเมริกา มีความสุภาพนุ่มนวล รักบ้านเกิด เป็นสุภาพบุรุษ มีความมั่นคงในรัก
🌈 มณีจันทร์ สาวแห่ง พ.ศ. นี้ ผู้ถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ชาติตระกูลและการศึกษา มีความมั่นใจในตัวเองสูง ใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมาแทบตลอด เพราะบิดารับราชการในกระทรวงการต่างประเทศ และต้องเดินทางตามประเทศต่าง ๆ ในฐานะเอกอัครราชทูต มีความสามรถในการใช้ภาษาฝรั่งเศส
🌈 ไรวัต นายทหารหนุ่มแห่งกองทัพบกผู้ถึงพร้อมทั้งชาติตระกูล ทรัพย์สมบัติ และความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ไรวัตรักมณีจันทร์มาก แต่รู้สึกว่าการกลับมาเมืองไทยคราวนี้มณีจันทร์แปลกไป เขารู้สึกว่าเธอมีคนอื่น ทำให้เขาร้อนรุ่มใจยิ่งนัก
🌈 ม้วน บ่าวสาวผู้รับใช้แม่มณีในอดีต มีความจงรักภักดีต่อเจ้านายมาก รักแม่มณีมาก
🌈 คุณหญิงแสร์ มารดาผู้เฉลียวฉลาดของหลวงเทพ มีความเชื่อปรัมปรา เอ็นดูในความน่ารักของแม่มณีมาก
🌈 ประยงค์ สาวน้อยผู้งดงามอ่อนหวาน และวางตัวอยู่ในกรอบข่ายของขนบประเพณีทุกกระเบียดนิ้ว เป็นคู่หมายของหลวงเทพ
🌈 มาลิดา ผู้เป็นมารดามณีจันทร์
🌈 กุลวรางค์ เพื่อนสนิท มณีจันทร์ เป็นคนมีความรู้ มีความสดใสร่าเริง ไม่ค่อยมีความเป็นกุลสตรีมากนัก
🌈 ดร.ตรอง นักฟิสิกส์ เก่ง มีความรู้ และเป็นคนมีเหตุมีผล
🌈 คุณหญิงสรเดช มารดาของประยงค์ เป็นเพื่อนกับคุณหญิงแสร์ มารดาของหลวงเทพ ไม่ขอบพอกับแม่มณีมากนัก เพราะต้องการให้ลูกได้ออกเรือนกับหลวงเทพ
🌈 ท่านเจ้าคุณวิศาลคดี ชายผู้เป็นคนกุมความลับสู่จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมด เขาจะสามารถช่วยประเทศไทยให้รอดพ้นจากการรุกรานของฝรั่งเศสและอังกฤษได้
🌈 หลวงเจนพาณิช" ข้าราชการที่มีหัวใจฝักใฝ่ชาติตะวันตก ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ตัวเองโดยไม่คิดถึงชาติบ้านเมือง หาเรื่องรังแกคนอื่นแม้กระทั่งผู้หญิง
💟💟กลวิธีการเล่าเรื่อง(Point of View)💟💟
เป็นวรรณกรรมประเภทร้อยแก้ว มีเพียงบางตอนเท่านั้นที่เป็นร้อยกรอง นวนิยายอธิบายถึงภาพสังคมสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยการเคลื่อนไหว รวดเร็ว สว่างไสว เป็นเมืองที่หลงลืมอดีต และมิติของเวลาเป็นมิติที่เดินทางเป็นเส้นตรง ในขณะที่การปรากฏขึ้นของภาพร้านขายของโบราณ มีความมืดทึบ อึมครึม เก่าเก็บ โบร่ำโบราณ เป็นเรื่องของการที่อดีตสามารถย้อนหวนคืนมาได้ในยุคของเวลาสมัยใหม่และอดีตเป็นอดีตที่ถูกกดทับเอาไว้ ทมยันตีบรรยายภาพของมณีจันทร์ว่าเป็นผู้หญิงสมัยใหม่แต่งตัวทันสมัย แต่ภาพในกระจกที่มณีจันทร์เห็นในร้านขายของโบราณกลับกลายเป็นภาพของผู้หญิงโบราณอ่อนหวานงามละมุน ฉากที่มณีจันทร์เห็นผู้หญิงในกระจกสื่อให้เห็นถึงการสูญหายไปและความบกพร่องของอัตลักษณ์ เงาที่ปรากฏในกระจกคือความปรารถนาของเธอ แต่ภาพของความปรารถนานี้คือความปรารถนาที่ต้องห้ามเพราะทมยันตีบรรยายไว้ว่ากระจกมีความร้าวลึก เป็นลักษณะที่อันตราย คนไทยถือ ไม่นิยมนำเข้าบ้าน เพราะฉะนั้นสิ่งที่มณีจันทร์โหยหาปรารถนาคือสิ่งที่ต้องห้ามไปพร้อมๆ กัน ประเด็นนี้จริงๆ อธิบายถึงสังคมไทยสมัยใหม่ในยุคโลกาภิวัตน์ว่าเป็นสังคมที่ไม่มีพื้นที่ให้กับอดีตและความเป็นไทย ถ้ามณีจันทร์ต้องการภาพตัวเองแบบในกระจกที่เห็นนั้น มันหมายถึงความสูญสลายของตัวตน เพราะฉะนั้นการนิยามตัวเองกับภาพเงา จึงนำไปสู่การสลายของอัตลักษณ์ที่ตัวละครสร้างขึ้นอย่างเป็นเอกภาพ
❄วินิจฉัยสาร❄
ทวิภพฉบับนี้มีชื่อภาษาอังกฤษห้อยท้ายว่า Siam Renesiance อันหมายถึงยุคแผ่นดินรัตนโกสินทร์ที่กำลังจะก้าวสู่ความเป็นสยามใหม่ ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็จริงนะครับ เพราะหนังได้สื่อสารให้เราเห็นการวางตัวของสยามเมื่อปี พ.ศ. 2398 ว่าจะเอาตัวรอดได้อย่างไรเพื่อให้พ้นปากเหยี่ยวปากกาจากมหาอำนาจ อย่างอังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งที่สุดแล้วทั้งสองประเทศเลือกที่จะใช้สยามเป็นรัฐกันชน (Buffer State) มากกว่าจะมาแย่งกันเอง ประกอบกับนโยบายการต่างประเทศของรัฐบาลสยามสมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ เลือกที่ปรับตัวมากกว่าดึงดันอย่างแตกหัก เนื้อหานั้นสื่อให้เราได้เห็นการครอบงำของฝรั่งนั้นมิได้ทำผ่านกลอุบายเรือปืนเพียงอย่างเดียวครับ หากแต่การเข้ามาเผยแพร่ศาสนาก็จัดเป็นหนทางหนึ่งที่ชนตะวันตกอยากให้ชาวตะวันออกได้คิดและเชื่อเหมือนที่พวกเขาเชื่อ ตัวอย่างที่พบในหนังคือ การเข้ามาของมิชชันนารีสอนศาสนาอย่างหมอบรัดเลย์ (Dan B. Bradley) นวนิยายพาเราย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2398 โดยมี มณีจันทร์หรือ แมนี่ เป็นนางเอกเดินเรื่อง กลวิธีการเล่าเรื่องสลับไปสลับมาผ่านเพลงบรรเลงที่ฟังแล้วทำให้คนดูฉงนตามไปด้วยว่าว่าตกลงแล้ว"เรากำลังฝันไปหรืออยู่ในโลกของความจริงกันแน่" จะว่าไปแล้วการมองเห็นภาพอดีตผ่านสื่อภาพยนตร์นั้นมันทำให้เรามองเห็นความรู้สึกของคนโบราณว่า พวกเขาจะเอาตัวรอดได้อย่างไรในช่วงเวลาคับขันเช่นนั้น ยังสื่อสารให้เราเห็นว่า หากเราเลือกที่จะสู้เราก็คงรบแพ้เหมือนอย่างที่พม่าและญวนแพ้ ไม่แน่ว่าทุกวันนี้พวกเราอาจจะต้องใช้ภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศสเป็นภาษาประจำชาติก็ได้ บรรพบุรุษของเราเลือกแก้ปัญหาได้ดีที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ และอย่างน้อยเขาก็รักษาให้แผ่นดินนี้ไม่ต้องตกเป็นของใคร
❄บทสรุป❄
ในตอนท้ายของเรื่อง มณีจันทร์ก็ได้ตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับเพื่อนของเธอและมารดาของเธอ พร้อมทั้งขอตัวเลือกว่าเธอจะตัดสินใจอย่างไรดีกับเหตุการณ์นี้ แล้วเธอก็ลือกที่จะอยู่กับหลวงเทพ และกระจกที่บ้านของเธอนั้นได้แตกเป็นเสี่ยงๆ และเธอก็ครองรักกับหลวงเทพต่อในชาติอดีต
❄สิ่งที่ได้รับ และสิ่งที่ประทับใจ❄
จากการอ่านนิยายเรื่องนี้ตัวดิฉันได้รับคือ
🌻ได้เห็นถึงความรักชาติบ้านเมืองของบรรพบุรุษคนไทยเรา ซึ่งเราคนยุคปัจจุบันควรอย่างยิ่งที่จะนำมาปฏิบัติตาม ในการรักชาตินี้ดูได้จากการที่หลวงเทพ ยอมที่จะมีปัญหากะหลวงเจน เพราะหลวงเจนนั้นเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ต้องการอำนาจบารมี ยอมที่จะขายชาติบ้านเมือง แต่ก็มีคนแบบหลวงเทพที่ยังคิดได้และรักบ้านเกิดมาก ทำให้คนแบบนี้ควรมีเยอะๆในสังคมไทยเราในปัจจุบัน
🌻เห็นถึงวิถีชีวิตของคนยุคเก่าในสมัยร.5 ที่มีวิถีชีวิตเรียบง่าย ไม่เร่งรีบเหมือนยุคปัจจุบันนี้
🌻เห็นถึงความรักที่แม่มอบให้ต่อลูก ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน คนเป็นแม่ก็ยังคงมีความรักความปรารถนาดีต่อลูกทั้งสิ้น ทั้งเรื่องงานและเรื่องความรัก
จากการอ่านนิยายเรื่องนี้สิ่งที่ดิฉันประทับใจมากๆคือ
การที่พระเอกและนางเอกอยู่คนละภพคนละชาติกันแต่ก็มาพบกันได้ด้วยกระจกเพียงบานเดียว สิ่งที่ผู้เขียนเขียนลงไปมันสื่ออารมณ์และความรู้สึกได้ชัดเจน ทั้งพระเอกและนางเอกต่างรอคอยกันมาเสมอ ไม่มีใครไปรักหรือชอบใคร มันลึกซึ้งและกินใจดิฉันมากว่า คนๆนึงจะรออีกคนได้นานขนาดนั้นเลยหรือ? แต่จากการอ่านนิยายเรื่องนี้จึงพบว่า ไม่ว่าเวลาจะนานกี่ปี กี่ภพ กี่ชาติ คนเราถ้าคู่กันยังไงก็ต้องคู่กันอย่างนั้น ซึ่งในชีวิตจริงคงไม่ได้มีโอกาสแบบนั้นแต่นิยายเรื่องนี้ก็ทำให้ได้อินกับความรักของหนุ่มสาวในยุคอดีตได้เป็นอย่างดี ❤
จัดทำโดย : นางสาวอมราวดี ไทยสุชาติ
รหัสนิสิต 611031109
คณะศึกษาศาสตร์ วิชาเอกเคมี
เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่ได้รับความนิยมอีกเรื่องหนึ่ง ถึงแม้เนื้อหาจะไปในทางประวัติศาสตร์ แต่การดำเนินเรื่อง ภาษา เข้าใจง่าย เข้าถึงตัวละคร และแก่นเรื่องได้ดี ให้สาระความรู้เกี่ยวกับความเป็นอยู่ วัฒนธรรมในสมัยนั้นด้วย
ตอบลบเป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่มีีภาษาที่เข้าใจง่ายถึงแม้จะมีเนื้อหาไปในทางประวัติศาสตร์แต่ก็สามารถเข้าถึงตัวละครได้และให้ความรู้เกี่ยวกับความเป็นอยู่และวัฒนธรรมสมัยนั้นได้ดีอีกด้วย
ตอบลบทำให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนในสมัยนั้น ที่มีความปกป้องแผ่นดิน บ้านเมืองมาให้เรา
ตอบลบเป็นบทความที่มีการแบ่งตัวข้อได้อย่างชัดเจนดีมาก และเนื้อเรื่องพอได้อ่านแล้วมีความน่าสนใจทำให้ผู้อ่านอยากจะอ่านทั้งเล่มเลย :: น.ส.สุรีภรณ์ อรุณรุ่งเรือง รหัสนิสิต 611071224 คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการธุรกิจการค้าสมัยใหม่
ตอบลบได้เห็นถึงความรักของทั้งสองและการปกป้องบ้านเมือง
ตอบลบส่วนการสรุปนั้นเป็นการสรุปที่เข้าใจง่าย และไม่สับสนในการอ่านเรื่องราวนี้
เป็นเรื่องราววิถีชีวิตของคนสมัยก่อน สรุปได้เข้าใจเข้าถึงตัวละคร รับรู้ถึงความรู้สึกตัวละครได้ดี
ตอบลบนางสาวปริญญา อักษรเนียม 611031520 สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
จากการที่ได้เรื่องนี้ สิ่งที่ผู้สรุปมานั้น สรุปใด้ดีมีความเล่าได้อย่างชัดเจนละเอียด ทำให้เกิดความเข้าใจได้ง่าย นับรู้ได้ถึงความรู้สึกความรักของตัวละครได้เป็นอย่างดี ทำให้เกิดความสนใจที่จะหามาลองอ่านดูสักครั้ง
ตอบลบน.ส พลอยมณี เยาว์ดำ รหัสนิสิต611031523 คณะศึกษาศาสตร์ สาขา
วิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
เป็นนวนิยายเรื่องหนึ่งของทมยันตีที่เขียนได้ดีมากๆเรื่องหนึ่งเพราะเนื้อหาค่อนข้างสนุกแต่ทรอดแสรกวัฒนธรรมต่างๆในสมัยก่อน นอกจากนี้ผู้เขียนได้เขียนและตกแต่งการเขียนได้น่าอ่านและอ่านง่ายมากๆ นางสาว สุชัญญา พรัมสะโร
ตอบลบรหัสนิสิต 611031552
สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
เป็นการเล่าเรื่องราวในอดีต การใช่ชีวิตวัฒนธรรมต่างๆในอดีต นายอับดุลฮาฟิซ ปูเต๊ะ 611031568 สาขา เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
ตอบลบเป็นเรื่องราวของหญิงสาวในยุคปัจจุบันที่ชื่อ มณีจันทร์ ที่มีกระจกที่สามารถทะลุข้ามไปในยุคอดีตได้ในสมัยรัชกาลที่ 5 และไดเจอกับพระเอกได้ก่อตัวเป็นความรักและยังแทรกเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์บ้านเมืองที่ต่างชาติเข้ามาล่าอาณานิคมในช่วงยุคนั้นและมีการประวัติต่างๆภายในประเทศมากมาย สามารถนำเอาความรู้เรื่องนั้นไปเป็นความรู้ที่คนไทยอย่างเราต้องรู้เกี่ยวกับบ้านเมืองของเรา การที่นำนิยายเรื่องนี้ไปทำเป็นละคร ซึ่งมีความน่าติดตามมากและดิฉันเองก็ดูน้อนหลังหลายรอบมาก
ตอบลบนางสาวนิสากร นครังค์ รหัสนิสิต 611031096
คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาเอกเคมี
เป็นหนังสือของทมยันตี เป็นเรื่องหนึ่งที่ชอบมาก เป็นเรื่องราวของหญิงสาวในยุคปัจจุบันที่ชื่อมณีจันทร์ ได้ทะลุกระจกข้ามไปในรัชกาลที่ ๕ และยังมีการสอดแทรกเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ไว้ด้วย ซึ่งผู้เขียนยังมีการตกแต่งให้น่าอ่านยิ่งขึ้น ทำให้คล้อยตามและรู้สึกอยากติดตามต่อไป
ตอบลบน.ส.ณัฐติกานต์ มรดกเกษม
รหัสนิสิต611031501
สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
คณะศึกษาศาสตร์
สิ่งที่ผู้เขียนเขียนลงไปในนวนิยายเล่มนี้ มันสื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกได้ชัดเจน ทั้งพระเอกและนางเอกต่างรอคอยกันมาเสมอ มันลึกซึ้งและกินใจเป็นอย่างมาก
ตอบลบนายธนวัฒน์ ถนอมนวล รหัสนิสิต 611031507
คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์แต่ภาษาที่เขียนสามานถอ่านเข้าใจได้ง่ายชอบมากค่ะ ส่วนตัวเป็นคนชอบเรื่องราวเกี่ยวกับประัติศาสอยู่แล้วด้วยค่ะ
ตอบลบนางสาวปทิตตา สมัยชูเกียรติ รหัสนิสิต611031518 สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสาร คณะศึกษาศาสตร์